top of page

 

 

                        องค์ประกอบของศาสนา

 

     ศาสนาในฐานะปรากฏการณ์ทางจิตและทางสังคม เป็นบ่อเกิดของคุณค่าและวัฒนธรรมและมีความสัมพันธ์กับชีวิตของมนุษย์อย่างแน่นแฟ้น ซึ่งมีความลึกซึ้งและมีองค์ประกอบมากมายหลายอย่าง แต่ที่ถือว่าสำคัญที่สุดมี 5 ประการคือ

1. ศาสดา คือ ผู้ตั้งศาสนาหรือผู้สอนดั้งเดิม

2. คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาหมายถีงที่รองรับหลักธรรมคำสอนในศาสนานั้นด้วย

3. สาวกได้แก่ผู้ปฏิบัติตามคำสอน หรือผู้สืบต่อศาสนา

4. ศาานสถานหมายถึง สถานที่สำคัญของศาสนา ซึ่งมีไว้ประกอบศาสนกิจ

5. สัญลักษณ์หมายถึง เครื่องแสดงออกของศาสนาด้านพิธีกรรมและปูชนียวัตถุ

1. ศาสดา

ศาสดา คือ ผู้ก่อตั้งศาสนา ทรงคุณลักษณะพิเศษแตกต่างกันไปตามประเภทของศาสนา แต่ ณ ที่นี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทกล่าวคือ ศาสดาสานาเทวนิยมและศาสดาศาสนาอเทวนิยม

ก. ศาสดาของสานาเทวนิยม หมายถึงศาสนทูตของพระเจ้าเพราะพระองค์ประสงค์ที่จะช่วยกอบกู้มนุษย์ให้พ้นจากบาปหรือความทุกข์ทรมาน จึงได้แสดงพระองค์ให้ปรากฏแก่มนุษย์ในลักษณะต่าง ๆ ดังนี้ 

1. บางศาสนาเชื่อว่าศาสดาในฐานะเทพอวตารที่แปลงกายจากภาคพระเจ้าในสวรรค์สงมาในร่างของมนุษย์ ทำหน้าที่ของตนเสร็จแล้วก็กลับสู่สวรรค์อย่างเดิม ได้แก่ เทพอวตารในศาสนาอินดูที่เรียกว่านารายณ์อวตาร พระเยซูในศาสนาคริสต์ นักบุญจอห์น กล่าวว่าเป็นพระเจ้ากลับกลายเป็นมนุษย์แต่นักศาสนาบางท่าน เช่น ฮีโอโดตุส ไม่ยอมรับโดยกล่าวว่า พระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ลงสู่พระเยซูในขณะรับศีลพระเจ้าจึงไม่ใช่พระเยซู พระเยซูไม่ใช่บุตรของพระเจ้าแต่เป็นบุตรบุญธรรมเท่านั้น

2.บางศาสนาเชื่อศาสดาในฐานะนักพรตหรือฤาษี ซึ่งบำเพ็ญตบะอย่างแรงกล้า สามารถได้เห็นได้ยินเสียงทิพย์ขณะจิตใจสงบ จดจำคำของเทพเจ้าได้ และนำมาจารึกเป็นลายลักษณ์อักษรกลายเป็นคัมภีร์ทางศาสนาขึ้น เช่น คัมภีร์พระเวท หรือ ศรุติ คือ คัมภีร์ว่าด้วยความรู้ที่ได้มาจากการฟังของฤาษีเหล่านี้คือ กัสยประ, อรตี, ภารทวาชะ และเคาตมะ เป็นต้น ต่อมาท่านนักพรตเหล่านี้ได้ถูกสภาปนาขึ้นเป็นเทพเจ้าในสวรรค์

3.บางศาสนาเชื่อศาสดาในฐานะผู้พยากรณ์ หมายถึงผู้ประกาศข่าวดีอ้ันเป็นสารของพระเจ้า และทำนายเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดกับมนุษย์ในโอกาสต่าง ๆ เช่น ในศาสนายิว เชื่อเรื่องพระผู้มาโปรด เช่น โมเสส เป็นต้น ต่อมาทำให้เกิดศาสนาตริสต์ ซึ่งศาสนาคริสต์ถือว่าศาสดาพยากรณ์ทุกองค์ในศาสนายิว คือ ผู้มาเตรียมทางไว้สำหรับพระเยซูคริสต์ ส่วนศาสนาอิสลามยอมรับว่ามีศาสดาพยากรณ์มาแล้วเป็นอันมาก เช่น โมเสสหรือมูซาในศาสนายิว และพระเยซูหรือศาสดาอีซาในศาสนาคริสต์ ศาสดาพยากรณ์หรือนะบีเหล่านั้นคือ ศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้าซึ่งท่านนะบีมุฮัมมัดเป็นศาสดาพยากณ์องค์สุดท้าย

ข. ศาสดาของศาสนาอเทวนิยม คือ นมุษย์ผู้ค้นพบหลักสัจธรรมด้วยตนเอง หรือรวบรวมหลักธรรมคำสอนเสร็จแล้วนำมาประกาศเผยแผ่แก่ผู้อื่น และตั้งศาสนาของตนขึ้นได้ โดยสอนให้พึ่งตนเอง ไม่สอนให้กราบไหว้วิงวอนขอจากสิ่งภายนอก แบ่งออกได้ 3 ประเภทคือ

1. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ท่านตรัสรู้เองโดยชอบ เป็นศาสดาในฐานะเป็นครูแห่งเทวดาและมนุษย์ทั้งปวง

2. ศาสดามหาพรต (คือศาสดาในศาสนาเชน เรียกอีกอย่างว่า ตีรถังการมีอยู่ 24 องค์ องค์สุดท้ายนามว่า มหาวีระ สอนเน้นการบำเพ็ญพรตแบบทรมานตนด้วยหลักอหิงสาอย่างยิ่งยวด ปฏิเสธเทวนิยมแบบพราหมณ์ ยืนยันชะตากรรมลิขิต

3. ศาสดานักปราชญ์ คือ ศาสดาที่ไม่ได้ออกบวชเป็นสมณะหรือนักพรต ดำเนินชีวิตอยู่อย่างผู้ครองเรือน แต่สนใจในศาสนาและการปฏิบัติ เข้าใจศาสนาแตกฉานรวบรวมระบบจริยธรรมตามที่เป็นโบราณธรรม และหลักปฏิบัติตนในครอบครัวบ้าง เช่น ขงจื้อหรือเล่าจื้อ เป็นต้น

2. คัมภีร์หรือคำสอน

คัมภีร์ศาสนา คือ ข้อความ คำสั่งสอนของพระศาสดา ซึ่งบางศาสนารวมคำสั่งสอนของพระสาวกไว้ด้วย สำคัญหรือข้อความบันทีกเหตุการณ์เกี่ยวกับศาสนาที่ท่องจำกันไว้ได้แล้วจดจารึกเป็นลายลักษณ์อักษรคำสอนของศาสนาฝ่ายอเทวนิยมที่เรียก พระธรรมวินัยก็บรรจุอยู่ในคัมภีร์ทางศาสนา ซึ่งจัดไว้เป็นหมวดหมู่ตามลักษณะของแต่ละศาสนา ในเทวนิยมพระคัมภีร์นอกจากจะเป็นภาชนะรองรับพระวจนะของพระเจ้าแล้วยังเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ และเผ่าพันธุ์กับพระเจ้าไว้อย่างไม่ขาดตอน เช่น พระคัมภีร์ไบเบิลภาคแรก ว่าด้วยประวัติศาสตร์ของชาวโลกและมนุษยชาติต่อ ๆ มา เริ่มตั้งแต่พระเจ้าสร้างโลก สร้างมนุษย์คู่แรก คือ อาดัมกับฮะวา พระเวทก็ถือว่าเป็นวรรณกรรมชุดแรกของโลกที่สืบต่อกันมาไม่ขาดตอนเป็นเวลาหลายพันปี ศาสนาแบบเทวนิยมยอมรับว่าคัมภีร์นั้นเป็นดำรัสของพระ้เจ้า มนุษย์ไม่สามารถกล่าวคำพูดเช่นนั้นได้เด็ดขาด

      ภาพหนังสือพระไตรปิฎกที่จารลงบนคัมภีร์ใบลาน

bottom of page